แด่...กลียุคแห่งการครอบงำ
จากการติดตามข่าวที่ออกมาเป็นระลอกๆ ละครน้ำดีเรื่องหนึ่งได้สร้างประวัติศาสตร์ที่วงการบันเทิงต้องจารึกอีกครั้ง แม้จะต้องปิดฉากรวดเร็วไปอย่างน่าเสียดายและ "เหนือเมฆ" ตามชื่อละคร หากจะกล่าวตามความจริงแล้ว เหตุการณ์เช่นนี้ได้เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้แล้วกับภาพยนตร์เรื่องหนึ่งซึ่งเคยเป็นข่าวดังอยู่สักพักหนึ่งในสมัยที่ข้าพเจ้ายังเยาว์ ก่อนที่กระแสข่าวจะเลือนหายไปตามกาลเวลา ตอกย้ำวลีที่ว่า "คนไทยลืมง่าย" ด้วยเพียงเพราะชื่อของภาพยนตร์เรื่องนี้มีชื่อพาดพิงถึงแก้วตาดวงใจของผู้ (ที่อุปโลกน์ไปเองว่า) มีอำนาจล้นฟ้า ซึ่งผู้นั้นได้ใช้อำนาจจอมปลอมในการถอดภาพยนตร์เรื่องนี้
เหตุการณ์เช่นเดิมได้วนเวียนกลับมาอีกครั้ง ราวกับว่า วงจรแห่ง "อำนาจมืด" ได้เข้าครอบงำประเทศแห่งประชาธิปไตย ประเทศ "ไท(ย)" ที่ควรจะมีอิสระและเสรีภาพตามนามใหม่ที่ได้ใช้แทนนามเก่าแก่แต่มีมนต์ขลังอย่าง "สยาม" เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้อาจจะเป็นการตอกย้ำถึงการเข้าสู่กลียุคแห่งการครอบงำ เริ่มตั้งแต่ การมอมเมาผู้คนให้หลงเชื่อในสิ่งผิด ทำให้น้ำใจไมตรี กลับกลายเป็นการแก่งแย่งชิงดีเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจมืด
อย่างไรก็ดี ได้มีผู้กล้ากลุ่มหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นเพียงกลุ่มเล็กๆ แต่ได้ใช้สิทธิ์ที่พวกเขาพึงมีอย่างเต็มความสามารถ ในการตีแผ่และปลดปล่อยกลุ่มคนที่ถูกมอมเมา ผ่านบทประพันธ์ที่เต็มไปด้วยแสงทองแห่งความดี เผยแพร่ในรูปแบบของละครโทรทัศน์ และวางกลุ่มเป้าหมายเป็นชนรุ่นใหม่ ด้วยการนำนักแสดงยอดนิยมมาเป็นผู้ร่วมเผยแพร่ การกระทำทั้งหมดนี้ สื่อให้เห็นถึงความพยายามในการต่อต้านอำนาจมืดที่กำลังปกคลุมอยู่ในปัจจุบัน
แม้จะเป็นผู้คนเพียงกลุ่มเล็กๆ แต่ด้วย "อำนาจแห่งความดี" ทำให้แสงความดีค่อยๆขยายรัศมีเพื่อต่อสู้กับอำนาจมืดดังกล่าวอย่างสูสี อาจเพราะอำนาจมืดเริ่มเพลี่ยงพล้ำ จึงแสดงฤทธาแบบเขลาๆ ด้วยการครอบงำผู้คนอีกครั้ง หากไร้ซึ่งความไตร่ตรองด้วยความร้อนรน ทำให้ลืมสังวรณ์ไปว่า "ความดีไม่มีวันตาย ความดีจะปกป้องผู้ประพฤติดี" แล้วเมื่อถึงวันนั้น วันแห่งการพิพากษา อำนาจมืดจะได้รู้ซึ้งถึงสัจธรรมข้อนี้อย่างแท้จริงในเวลาที่ "สายไปแล้ว"
เหล่าผู้กล้านี้ จงภูมิใจว่าสิ่งที่ท่านได้ทุ่มเทไปนั้นมิได้สูญเปล่าแต่อย่างใด แต่กลับสัมฤทธิ์ผลแล้ว ด้วยการปลุกอำนาจแห่งความดี ให้แผ่รัศมีส่องสว่างในใจผู้คนทั้งหลาย มิให้ถูกครอบงำโดยอำนาจมืด เพราะผู้คนเหล่านี้ได้ตระหนักดีแล้วว่า "อำนาจมืดเป็นสิ่งไม่จีรัง หากแต่ความดีนั้นไซร้ที่ไม่มีวันตาย"
บทความนี้ ขออุทิศให้แด่เหล่าผู้กล้าทั้งหลายที่กำลังต่อสู้กับอำนาจมืดอย่างไม่ท้อถอย ....
สัจธรรม " ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว " ยังคงเป็นความจริงอันนิรันดร์
แม้ว่ากรรมดีนั้นอาจจะไม่ได้สัมฤทธิ์ผลโดยทันที เพื่อเป็นการทดสอบ "ขันติ" ของผู้ประพฤติดี
หากแต่กรรมชั่วจะลงทัณฑ์ผู้ประพฤติชั่วภายในช่วงเวลาอันสั้น ดังคำกล่าวที่ว่า "กรรมติดจรวด"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น